ร้าน Baby Spoon เป็นร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์อิตาเลี่ยนผสมญี่ปุ่นค่ะ บรรยากาศภายในจะตบแต่งเน้นโทนสีอบอุ่นและออกไปทางอิตาเลี่ยน แต่โต๊ะหรือพรอบในร้านเป็นแนวไทยๆนะ พนักงานของร้านบริการดีมากเลยค่ะ คอยถาม คอยบอกแนะนำตลอด 

ตอนนี้ทางร้านจะมีบุฟเฟ่ต์ซุปด้วย เพียงสั่งอาหารแล้วเพิ่มอีก 39 บาทก็จะได้บุฟเฟ่ต์ซุปที่มีขนมกับน้ำดื่มเติมได้ตลอด วันที่ไปคนไม่เยอะค่ะ เมนูที่สั่งไปจำชื่อไม่ค่อยได้ มีสเต็กไก่สไปรซี่หรือยังไงจำไม่ได้ แล้วก็สั่งแซลมอนโรลมา รสชาติถือว่าใช้ได้ทีเดียวค่ะ ซุปบุฟเฟ่ต์ก็อร่อยมากแต่ซุปมาช้านิดนึงค่ะเพราะเขาทำใหม่ๆ ก็เลยช้า

โดยรวมถือว่าดีค่ะประทับใจ ใครผ่านไปแวะได้นะคะ ราคาก็ไม่แพงด้วย

Saffron เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่อบอุ่นและน่ารักให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่เปิดมานานกว่า 16 ปีแล้วนะ เมนูที่มีอยู่ในร้านทั้งหมดจะเป็นสูตรที่พี่เจ้าของร้านคิดและปรับปรุงขึ้นมาโดยแต่ละเมนูต้องเป็นเมนูที่กินแล้วชอบถึงจะเอามาวางให้ลูกค้าได้ลองชิมกัน 

มาถึงที่นี่แล้วเมนูแรกที่คนท้องว่างอย่างตี่สั่งไม่ใช่ขนม แต่เป็นเมนูอาหารจานเดียว อย่าง "ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ" ข้าวผัดสีสันสวยงามมีกุ้งวางอยู่ด้านบน มาพร้อมกับไข่เค็มที่รสกำลังดีไม่เค็มจัด กับปลาสลิดทอดกรอบๆ รอบล้อมด้วยผักสด ทั้งชะอม ขมิ้น ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ ใบบัวบก มะเขือเทศ กะหล่ำม่วงหั่นฝอย ผักกาดขาวและมะนาว รสชาติกลางๆ ถือว่าใช้ได้ค่ะ

จากของคาวไปแล้วมาลองขนมหวานกันบ้าง สำหรับใครที่ชอบขนมเค้กที่นี่มีให้เลือกกว่า 20 ชนิด ขนมที่ตี่ได้ชิม คือ "บานอฟฟี่" ค่ะ บานอฟฟี่ของที่นี่ชิ้นค่อนข้างใหญ่และแตกต่างจากร้านอื่น ตรงที่บานอฟฟี่ชิ้นนี้ด้านบนและด้านล่างเป็นแป้งเค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มไม่ร่วนแทรกด้วยชั้นครีมช็อกโกแลตเข้มข้นโรยด้วยผงช็อกโกแลตในระหว่างนั้นจะมี ชั้นครีมวานิลลา ชั้นครีมบัตเตอร์สก็อตผสมน้ำผึ้ง ชั้นกลางเป็นกล้วยสุกกำลังพอดีชิ้นใหญ่หนานุ่ม รสชาติไม่หวานจัดแต่ก็มีร่วนบ้างนิดหน่อยค่ะ

หรือถ้าใครอยากกินช็อกโกแลตแบบเต็มเนื้อเต็มคำต้องนี้เลย "บราวนี่ช็อก" บราวนี่ขนาดกำลังพอดีเนื้อนุ่มอัดแน่นด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ด้านบนราดด้วยครีมช็อกโกแลตเข้มข้นผสมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มาแบบทะลักทะลายเคี้ยวเพลิน

ส่วนใครที่อยากกินเค้กผลไม้ลองเป็น "เค้กส้ม" เค้กสีเหลืองสวยที่ประดับด้านบนด้วยส้มซีกหนึ่งชิ้นนี้ใช้น้ำส้มคั้นสดเป็นส่วนผสมทำให้ได้กลิ่นและความสดชื่นของผลไม้ 

นอกจากขนมเค้กแล้ว ที่นี่ยังมีพายผลไม้ชิ้นใหญ่ คุ๊กกี้ มีกาแฟและเครื่องดื่มเย็นๆ ให้จิบแกล้มขนม มีเมนูอาหารทั้งไทยและต่างชาติด้วย อาหารที่นี่ถือว่ารสชาติไม่จัดค่ะต่างชาติกินได้ ส่วนราคาในส่วนของเค้กถือว่าสูงอยู่ค่ะ ความจริงร้านนี้โอเคนะคะแต่ที่ตี่ไม่ประทับใจคือการพูดจาของพี่เจ้าของร้านผู้ชายค่ะ คงไม่แวะไปร้านนี้แล้วนะคะ แต่ถ้าใครไม่อะไรก็ลองไปชิมดูได้ค่ะ พี่ผู้หญิงใจดี

ร้าน Kushitaro Izakaya เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดหนึ่งห้องแถวที่อยู่เลียบคลองประปา ตรงถนนพระราม 6 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนร้านอาหารในญี่ปุ่นจริงๆ เริ่มตั้งแต่ป้ายชื่อร้านไปจนถึงหน้าร้านที่ตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษ มีแมวกวักตัวใหญ่คอยเรียกลูกค้า ภายในตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟ์ทแบบดิบๆ ดูเรียบง่ายแต่เท่ห์ บนผนังประดับด้วยโปสเตอร์ที่นำมาจากญี่ปุ่น มีเตาเทปันเปิดให้เราเห็นพ่อครัวแสดงฝีมือกันสดๆ ส่วนโต๊ะเก้าอี้ของที่นี่ทำจากลังไม้ กับลังพลาสติกใส่เบาะหนังที่เก๋มาก

แถมยังมีห้อง Wine Cella ให้คนรักไวน์ได้เข้าไปเลือกสรร แถมยังนั่งชิลปาร์ตี้กันในนั้นได้ด้วย (เท่ห์เนอะ) ลูกค้าของร้านนี้มีหลากหลายกลุ่มค่ะ บางวันแค่ช่วงเปิดร้านตอนห้าโมงเย็น คนก็มากันแน่นร้านแล้วค่ะ แต่วันที่ตี่ไปเป็นคนแรกของร้านคนเลยยังไม่มีคน

มาดูของกินกันดีกว่า เริ่มกันที่ "Kushitaro Set"(199 บาท) เซ็ตของทอด 9 อย่างที่ประกอบไปด้วย ฟักทอง แครอท เห็ดออรินจิ รากบัว อกไก่ หมู ชิกูว่า ปลาไข่มาชุบแป้งทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับน้ำจิ้ม Red Wine สูตรโอซาก้า ที่เจ้าของร้านเล่าว่านำชื่อของ โมโมทาโร่(ตัวเอกจากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น)มาเป็นคอนเซปต์ของเมนูนี้ด้วยการเติมชื่อให้กลายเป็นของทอด 9 อย่างที่โมโมทาโร่นำติดตัวไปกินด้วย 

ต่อกันที่ "ไก่ทอดนาโกย่า" ที่เป็นการนำปีกบนไก่มาหมักจนเข้าเนื้อนำไปทอดกรอบแล้วคลุกกับซอสนาโกย่าสูตรพิเศษของทางร้านเคล้างาขาว ปีกไก่ทอดกรอบรสชาติกลมกล่อมหอมน้ำมันงา เป็นเมนูกินเล่นหรือจะเป็นกับแกล้มก็อร่อยเข้าท่าค่ะ 

อีกเมนูเป็น "Momotaro Steak" จานนี้เป็นสเต็กเนื้อ Rib eye ชั้นดีนำเข้ามาจากออสเตรเลียหมักซอสสูตรของทางร้านที่นำสูตรมาจากญี่ปุ่นเสิร์ฟมาเป็นชิ้นพอดีคำ เนื้อสเต็กนุ่มชุ่มฉ่ำแทบละลายในปาก มาพร้อมกับมัสตาร์ดและพริกกับเกลือจากญี่ปุ่น จานนี้บอกตรงๆ อร่อยยันพริกเกลือเลยค่ะ 

หรือจะเป็น "Torimiso Nabe" ชุดหม้อไฟของทางร้านที่เลือกได้ทั้งหมูและไก่ เรียงรายด้วยเห็ดออริจิน ลูกชิ้น เต้าหู้ กุยช่าย ผักกาดขาว ต้นหอมญี่ปุ่น มีเส้นโซบะแยกให้ต่างหาก เมนูนี้ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปค่ะ เป็นน้ำซุปสูตรพิเศษของทางร้านที่ใส่มิโสะลงไปด้วย ปกติมิโสะจะใส่ในน้ำซุปถ้วยเล็กๆ เพราะราคามันค่อนข้างสูง แต่ที่นี่ใส่ลงในหม้อไฟเลย น้ำซุปรสชาติเข้มข้น ครบรสทั้ง หวาน มัน เค็ม น้ำซุปเติมฟรีได้ไม่อั้น อร่อยค่ะ แต่ถ้าใครอยากสั่งเมนูนี้ อาจต้องรอหน่อยนะคะ เพราะทางร้านจำกัดจำนวนหม้อ บางทีถึงขั้นต้องมากินวันพรุ่งนี้ก็มีมาแล้ว(เราโชคดีไปเร็ว อิอิ)

ตบท้ายด้วย "ปลาเงินทอด" เมนูใหม่ของทางร้านที่นำปลา Shirauo เจ้าปลาตัวน้อยจากญี่ปุ่นมาชุบแป้งทอดจนกรอบ มีมะนาวให้บีบตัดความมัน กินแกล้มกับเบียร์เพลินดีจริงๆค่ะ 

ใครที่มองหาร้านอาหารญี่ปุ่น อยากกินอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ที่เป็นเมนูเด็ดในแต่ละจังหวัดของญี่ปุ่นในบรรยากาศแบบการสังสรรค์แบบญี่ปุ่นที่เป็นกันเอง ลองมาร้านนี้ดูนะคะ ราคาอาจจะสูงหน่อยแต่คุณภาพดีทีเดียว แถมเปิดยันเที่ยงคืน ใครไม่ชอบเที่ยวแบบตื้ด ตื้ด เพลงหนวกหู เต้นกระจายมาร้านนี้สบายกว่าเยอะ

Kuppadeli เป็นร้านอาหารที่ต่อยอดมาจาก Kuppa ร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังในซอยสุขุมวิท 16 ค่ะ ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายแต่ทันสมัยในสไตล์โมเดิร์นลอฟ์ทที่เน้นโทนสีเอิร์ลโทน โดยรอบล้อมด้วยกระจกทรงสูง เคาน์เตอร์ครัวที่ตั้งอยู่กลางร้านเผยให้เห็นกระบวนการปรุงอาหารของพ่อครัวและแม่ครัวที่ชวนให้คนในร้านเพลินตา 

ด้านนอกร่มรื่นด้วยไม้ประดับสีเขียวแซมด้วยดอกสีเหลืองส้มของพุทธรักษาที่ช่วยบดบังโลกอันว้าวุ่น อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ ส่วนใหญ่เป็นงานไม้และหวายชวนให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายคล้ายอยู่บ้าน หากมีถึงแล้วอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลือกนั่งบนชั้น 2 ของร้าน หรือ ถ้าชอบแอบอิงกับแมกไม้ก็เลือกนั่งด้านนอกได้ 

เปิดประเดิมความอร่อยด้วย ความหอมกรุ่นของกาแฟ กับ "Flat White"(85 บาท) ลาเต้สไตล์ออสเตรเลียที่มากับฟองนมและครีมแบบบางเบาหอมกรุ่นลงตัวกับรสเข้มของเมล็ดกาแฟชั้นดี 

มาต่อกันด้วยเมนู Brunch กับ "Wagyu Cop the lot burger"(450 บาท) เบอร์เกอร์แป้งโฮลวีทที่อัดแน่นด้วยเนื้อวากิว เบคอน ไข่ ราตาตูย(อาหารพื้นบ้านทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมีลักษณะเหมือนสตูว์ผัก) เชดด้าชีส และผักกาดหอมราดด้วยมายองเนสที่ให้รสชาติกลมกล่อมลงตัวที่มาแบบชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดร้อนๆ 

ส่วนคนที่ถูกจริตกับอาหารไทยอีสานที่นี่ก็มี Kuppa Grilled Pork(250 บาท) คอหมูที่เลือกเฉพาะส่วนเนื้อมาย่างแบบให้สุกเกรียมเล็กๆ ที่นุ่มชุ่มลิ้น เคียงมากับส้มตำไทยและข้าวเหนียวใส่มาในกระติ้บเก็บความร้อน

ตบท้ายด้วยของหวาน "Caramelised French Toast"(220 บาท) ขนมปังแผ่นบางชุบไข่ทอดหอมละมุนลิ้นกับผลบลูเบอร์รี่สดและวิปปิ้งครีมโรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง มีคาราเมลและซอสบลูเบอร์รี่แยกมาในถ้วยเพื่อให้เราสามารถกำหนดปริมาณรสชาติของหวานจานนี้ได้ตามความพอใจ 

เมื่อใดที่อยากหลบลี้ความรีบเร่งของชีวิตหรือบังเอิญแวะเวียนมาอโศก เชิญมารื่นรมย์กับรสกาแฟและอาหารในบรรยากาศแสนสบายที่ Kuppadeli แห่งนี้ดูสิค่ะ

เมื่อไก่ย่างส้มตำเป็นอาหารยอดฮิตเหลือเกินในบ้านเรา จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นร้านอาหารอีสานผุดขึ้นทั่วทุกแห่ง ไม่ว่าจะบนห้าง ข้างทาง หรือ รถเข็นก็มีให้กินกันทั้งนั้น แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าร้านที่เราเห็นๆ กันทุกวันจะอร่อยและสะอาดจริง วันนี้เราอยากนำเสนอร้านอาหารอีสานสไตล์ฟิวชั่นเล็กๆ ย่านสนามมวยราชดำเนินที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี กับ ร้าน ส.โภชนา

ร้าน ส.โภชนา ไก่ย่าง เป็นร้านอาหารอีสานที่เปิดมานานกว่า 56 ปี อยู่หลังสนามมวยราชดำเนินและได้ชื่อว่า เป็นต้นตำรับไก่ย่างสนามมวย มีอยู่ด้วยกัน 2 สาขา คือ สาขาเทเวศน์และสาขา ราชดำเนินซึ่งเป็นสาขาที่เรามาในวันนี้ ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายแต่อบอุ่นค่อนข้างโปร่งนั่งสบายไม่อึดอัด มุมหนึ่งของร้านวางเก้าอี้หวายมีฉากหลังเป็นผนังเพ้นท์รูปต้นไม้ไว้สำหรับนั่งรอหรือไว้ถ่ายรูป โดยคุณเบียร์ เจ้าของร้านผู้สืบทอดกิจการเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เรียนและทำงานเป็นพ่อครัวอยู่ที่ต่างประเทศ ก่อนจะมารับไม้ต่อกิจการจากคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เมื่อเข้ามาแล้วก็เลยจัดการรีโนเวทร้านใหม่ให้มีบรรยากาศเหมือนมานั่งกินข้าวในสวน ส่วนเมนูก็เริ่มปรับให้ทันสมัยมากขึ้น

เริ่มต้นกันด้วย "ไก่ย่างหนังกรอบ" เป็นส่วนน่องสะโพกไก่ชิ้นใหญ่นำมาย่างก่อนนำไปอบจนได้ไก่ย่างเนื้อนุ่มชุ่มลิ้นแต่หนังกรอบกรุบเหมือนทอดแต่ไร้ความมัน เสิร์ฟมากับสองน้ำจิ้มรสเด็ด อย่าง น้ำจิ้มแจ่ว และน้ำจิ้มไก่ ตี่ว่าโอเคทีเดียวนะ

ต่อด้วยเมนูฟิวชั่นเล็กๆ อย่าง "ส้มตำแม็กซิกัน" จานนี้เป็นส้มตำไทยรสกลมกล่อมโรยหน้าด้วยปลาหมึกชิ้นอวบหั่นเป็นวงชุบแป้งทอดและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ วางบนแผ่นแป้งตอร์ติย่ากรอบๆ กินคู่กันจะได้รสชาติไทยอินเตอร์นิดๆ ตัวส้มตำรสอ่อนไปหน่อยแต่โดยรวมถือว่าดีเลยค่ะ

จากนั้นก็มาถึง "ยำเป็ดกรอบ" เนื้อเป็ดชิ้นทอดกรอบนอกนุ่มในหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เติมแอปเปิ้ลเขียว เม็ดมะม่วง มะเขือเทศแล้วคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ด จนได้ยำเป็ดรสชาติกลมกล่อมเปรี้ยวอมหวานเผ็ดกำลังดี

ตบท้ายด้วย "ซุปเปอร์ซี่โครงอ่อน"(120 บาท) เสิร์ฟมาในหม้อไฟ น้ำซุปรสเปรี้ยวอมหวานเข้ากันดีซดคล่องคอมาพร้อมกับปลายกระดูกอ่อนของหมูที่ผ่านการเคี่ยวจนนุ่มลิ้นแทรกซึมด้วยรสของน้ำซุปเปอร์ที่ขอยกนิ้วให้ ยิ่งได้กินทั้งหมดกับข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาวร้อนๆ นุ่มๆ ยิ่งอร่อย 

เมื่อไหร่รู้สึกหิวอยากเติมพลังด้วยอาหารอีสานรสชาติดี ไม่ว่าจะมาคนเดียว มาเป็นกลุ่ม หรือพาเพื่อนต่างชาติมาเที่ยว อย่าลืมคิดถึงร้าน ส.โภชนา แห่งนี้ (อ้อ ที่นี่เขามีบริการจัดเซ็ตอาหารพร้อมส่งถึงที่ เฉพาะพื้นที่ที่ให้บริการนะจ๊ะ)